วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สมัครครั้งที่สองก็ได้เลย (จบ)

สมัครกาต้าร์แอร์เวย์ ครั้งที่สองก็ได้เลย (3)
        สวัสดีค่ะ เดินทางมาถึงเอนทรีสุดท้ายกันแล้วเนอะ (น่าจะ..ถ้าไม่เขียนเวิ่นมากกกก) ปกติแล้วจะจำกัดประมาณครั้งละสามสี่หน้า แต่มันเกินเป็นหกหน้าทุกทีเลย ขอโทษคนอ่านด้วยน้าที่ทำให้เสียเวลาไปนิสสส
            มีผู้อ่านถามเรื่องที่ไปสมัครโอมานแอร์ คือมันมีเหตุผลที่ผลักดันเราไปสมัคร แน่นอนว่าเราไม่ได้อยากเป็นนางฟ้าสองสายอะไรงี๊หรอก จริงๆ คือ เราเคยได้ยินสาวๆกลุ่มนึงเม้าท์เรื่องเราโดยที่ไม่รู้ว่าเรานั่งข้างๆ (เราไม่ได้แต่งหน้า) ซึ่งประโยคที่จำได้ขึ้นใจคือ แม่งโคตรโชคดีเลยว่ะ ติดกาต้าร์เราอยากจะเดินกลับไปบอกสาวๆ กลุ่มนั้นว่า กว่าจะได้ถึงวันนี้เราพยายามขนาดไหน ตั้งใจปรับปรุงข้อเสีย อดทนกับความกดดันจากทุกด้าน จากครอบครัวเพราะอยากให้เราทำงานฝ่ายปกครองและเรียนโทต่อ จากงบประมาณที่ใช้ในการสมัครแอร์พวกค่าใช้จ่ายต่างๆ(เยอะมาก)ซึ่งบางครั้งเราก็ต้องให้แฟนเราออกไปก่อน จากอนาคตเพราะเรากำลังจะเรียนจบโดยที่เพื่อนๆ มีงานทำดีๆ เงินเดือนดีๆแล้ว อีกทั้งช่วงเวลาที่เราต้องไปสัมภาษณ์ทั้งหมดสามวัน เราต้องอ่านหนังสือและเตรียมตัวเยอะมากแถมยังต้องตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัวก่อนสองสามชั่วโมง ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปแล้วเรามาไกลสุดๆ แล้วจนวันนึงเราทำสำเร็จมันควรจะมากกว่าคำว่า “เราโชคดี”
            เพราะฉะนั้นเราไม่อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนมองว่าเราโชคดีที่มีวันนี้ หรือเราเก่ง เราสวยมีทุนอยู่แล้ว เราพยายามสร้างทั้งนั้น ทุกคนต้องพยายามถึงจะไปถึงฝัน ให้เราเป็นแรงบันดาลใจเมื่อคุณท้อแท้ว่า อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนนึงตรงนี้ที่เคยตะเกียกตะกายมาจนถึงฝัน
ที่เราเขียนนี่เราไม่ได้อะไรตอบแทนเลยนอกจากความสุขที่ได้รับจากคนอ่าน ที่สละเวลามาอ่านประสบการณ์ของเรา บางคนอาจคิดว่า อ้าวก็ใช่สิเธอได้แล้วนี่ จะพูดจะทำอะไรก็สวยไปหมดอ่ะ ซึ่งมันก็จริงนั่นหละ เพราะถ้าเราเป็น no one เราก็ไม่รู้จะมีใครมาสนใจไหม ซ้ำแล้วคงมีคนคิดว่า นี่เธอเป็นใคร...เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีงามแล้วที่เราจะถ่ายถอด เราอยากเป็นแรงบันดาลใจให้คนสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง เช่นเราที่ไม่เคยฝันถึง เพราะคิดว่าเอื้อมไม่ถึง ก็ยังมาจุดๆ นี้ได้

           เอาล่ะ! หลังจากเรียกขวัญกำลังใจกันแล้ว ก็มาต่อเรื่องที่เราค้างไว้คือตอนต่อจาก  public speaking คือ การทำ Group discussion และ Final interview

Group discussion
หลังจากที่กรรมการประกาศผลผู้เข้ารอบทั้งหมด 40 คน กรรมการก็แบ่งพวกเราเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มละ 10 คนตามเลข เราหมายเลขท้ายๆ ได้อยู่กลุ่มที่สาม โดยกรรมการจะให้เข้าไปทีละ 2 กลุ่มเพื่อทำรอบกรุ๊ป พวกเราที่เหลือก็จัดการแบ่งกลุ่มกันเสร็จสรรพและล็อบบี้กันทันทีตามคำแนะนำของผู้สมัครท่านหนึ่ง ภายหลังก็ผ่านไฟนอลด้วย เนื่องจากเธอคนนี้เคยมีประสบการณ์กรุ๊ปที่เลวร้ายจากรอบ มีนา ที่ทุกคนไม่ให้ความช่วยเหลือกันเท่าไร ดังนั้นเราจึงจัดการแบ่งงาน โดยมอบหมายให้ผู้สมัครอีกท่านจับเวลา และกำชับทุกคนว่าให้ถามทันทีที่ไม่เข้าใจและอย่าบล็อกกันเด็ดขาด เพราะจุดประสงค์ของกลุ่มเราคือ ผ่านยกกลุ่ม เฮ้!!!
            เมื่อถึงเวลาของพวกเรา กรรมการก็ให้เรานั่งเรียงตามลำดับ และบอกหัวข้อคือ Create your own airline that include base of your airline and What 5 qualities of cabin crew which you expect and unexpect? มีเวลา 8 นาที
            เมื่อพวกเราเริ่มทำงาน ก็มีการทวนคำถาม และแบ่งงานกันทำโดยแบ่งงานเป็นคู่ ทำ expected qualities ทำ unexpected qualities บางคนคิดชื่อแอร์ไลน์กับเบส บางคนจับเวลา พร้อมช่วยคิดแอร์ไลน์ บางคนเขียนกระดานซึ่งสุดท้ายแล้วทุกคนก็เข้าไปช่วยเขียนเพราะข้อมูลเยอะมาก บางครั้งส่วนไหนที่ทำไม่ทันเพื่อนๆ ในกลุ่มก็จะยินดีช่วยเต็มที่ แถมเวลาเหลือนิดหน่อยเราก็คิดสโลแกน ท่าประจำแอร์ไลน์ เอาเป็นว่า ผลลัพท์คือกลุ่มเราทำงานกันได้ดีมากที่เราชอบที่สุดคือ เมื่อกรรมการขานหมดเวลา ผู้จับเวลาของเราก็ค้านกรรมการทันทีว่า เวลายังเหลืออีกสองนาทีค่ะพร้อมโชว์ข้อมือ นาทีนั้นรักเธอที่สุด  555555 ในขณะที่เราดิสคัสกันอย่างเมามันกรรมการเค้าก็เดินวนดูรอบๆ ตลอดเลย แถมจดยิกๆๆๆ แถมหันไปสบตากันหลายครั้งมากก็ต้องยิ้มให้เธอเลยจุดนั้น เมื่อเวลาหมดลงก็ถึงคิวพรีเซนต์ พวกเราก็พรีเซนต์ในหัวข้อที่ตัวเองได้รับมอบหมายจนจบค่ะ แล้วที่พวกเราที่เหลือก็เข้ามาในห้องเพื่อรอฟังผล

            แท่ แท๊นนนนน!!!! กรรมการรับทุกคนเลยค่า ทุกคนนี่ยิ้มกันแก้มปริ หน้าบานกลับบ้านพร้อมอวยพรกันและกันให้โชคดีสำหรับวันพรุ่งนี้ พอเราอยู่คนเดียวปั้บ เราก็โทรรายงานผลทันทีค่ะอัดอั้นตันใจมาทั้งวันไม่ได้โทรหาใครเลย โทรหาพ่อพ่อก็บอกว่าดีใจด้วย ส่วนแม่กับพี่สาวกรี๊ดบ้านแตก แล้วก็โทรหาแฟน แฟนเราก็ดีใจด้วยเช่นกัน เรานี่เดินตัวเบาไปหาแฟนที่จอดรถรอหน้าโรงแรม นั่งดีใจเหมือนคนบ้าในรถจนแฟนเรานั่งขำ รอบนี้กรรมการไม่ได้ให้ฟอร์มมาด้วยนะคะ
            ข้อสังเกตเวลาทำกรุ๊ป ในเมื่อเขากำหนดเวลามาให้ เราก็ต้องช่วยกันทำช่วยกันคิดเพื่อให้งานลุล่วงเร็วที่สุด ดีที่สุด ให้ความร่วมมือเพื่อนๆ เสมอ และควรจะตกลงกับเพื่อนๆไว้แต่แรกว่า ถ้าชั้นงง ไม่เข้าใจโจทย์ชั้นจะถามอ้อมๆ ให้เธอช่วยชั้นทันทีนะ 55555

Final interview
          รอบไฟนอลคือรอบสุดท้ายด้วยการสัมภาษณ์เดี่ยว คล้ายๆกับช่วง small talk แต่นานกว่าหน่อย ซึ่งเราเองก็ดีใจได้ไม่นานเพราะเครียดว่าพรุ่งนี้จะทำยังไงให้บรรยากาศให้ห้องดูไม่เครียด อึมครึมหรือ จบการสนทนาลงไปแบบไม่เป็นที่น่าพอใจ เราก็กลับมานั่งคิดบทสนทนาอีกแล้วว่าจะจู่โจมกรรมการแบบไหนดี ที่กรรมการจะงงแล้วลืมคำถามยากๆ ที่จะถามเรา นอกจากนั้นก็ยังต้องให้เป็นตัวเราเองอีก หลับตาไปก็คิดไปเรื่อยๆ หลับไปฝันไป ถ้าผู้อ่านถามว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ คำตอบคือ
1.      เราไม่อยากให้กรรมการให้เราตก ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักเราจริงๆ
2.      เราไม่อยากเสียใจทีหลังว่าถ้าเราพลาดไปจริงๆ แล้วเราน่าจะวางแผนมาแต่แรก
(ดูเว่อมากเลยอ่ะ 5555 แต่เราไม่อยากพลาดแล้วไง)
ทุกอย่างลงตัวดีเราก็หลับลง และตื่นมาแต่งหน้าทำผมพร้อมไปโรงแรมโดยมีสารัตถีเจ้าเก่าขับไปส่ง เมื่อไปถึงแม่จ้าววววว ทุกคนกำลังนั่งเก็งคำถามรอบไฟนอลอยู่ซึ่งคำถามก็ไม่พ้นว่า ทำไมอยากเป็นแอร์ และทำไมต้องกาต้าร์ และอีกเยอะมากมายไปหมดจนเราต้องขอเวลานอกไปนั่งทำใจ ทำสมาธิห่าง ๆ คนเดียวในห้องน้ำ 555555 ไปทำอย่างอื่นด้วย จากนั้นเราก็รวบรวมพลังคิดถึงบทสนทนาในสมอง จำๆจะได้ไม่ลืมเวลาไปอยู่ต่อหน้ากรรมการ
เวลาเก้าโมงตรงกรรมการก็มาทักทายพร้อมให้พวกเราทีละ 20 ไปนั่งหน้าห้องรอเรียกสัมภาษณ์ คนแรกๆ ก็ตื่นเต้นสุดๆไปตามระเบียบและเพื่อนๆคนต่อมาก็ลดลงไป และพวกเราก็จับกลุ่มคุยกัน ว่าไฟนอลรอบนี้มาแปลกอีกแล้ว เพราะปกติเค้าจะให้ฟอร์มไปที่บ้านแล้วนำมาคืนวันไฟนอล ดังนั้นพวกเราก็คาดว่าจะได้กรอกวันนี้พร้อมดูพรีเซนเตชั่น แต่......อย่างที่บอก พวกเราได้สัมภาษณ์ก่อนทำอะไรทั้งหมด ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า วันนี้คงจะมีอะไรแปลกๆอีกเหมือนเดิม
เราซึ่งอยู่ในกลุ่ม 20 คนแรกก็ไปนั่งรอ เราเองก็คุยกับเพื่อนๆไปพลาง ย้ายที่นั่งไปเรื่อยๆ คุย ลุกไปเข้าห้องน้ำบ้าง ไปกินขนมบ้างจนลืมความตื่นเต้นไปเลย พอเพื่อนคนไหนเดินออกจากห้องสัมภาษณ์มาที สาวๆที่นั่งอยู่ก็สัมภาษณ์ต่อทันที คร่าวๆ คือ มีกรรมการหนึ่งคนถาม หนึ่งคนดู resume อีกคนดู Grooming เมื่อถึงคิวเราเราก็เข้าไปในห้อง ทักทายสไตล์เดิมๆที่เคยทำไป ทำตัวดูกระฉับกระเฉงนิดหน่อย และเริ่มต้นสัมภาษณ์ด้วยสไตล์การรุก เช่นเคย
หลังจากถามสารทุกข์สุขดิบเรียบร้อย เราก็เปิดบทสนทนาก่อน (แอบกลัวว่าจะเปิดไม่ทันกรรมการพูด)
เรา – Did you go somewhere to celebrate last night? (it was Songkarn)
กรรมการ – Oh, We just had a dinner and went back to the hotel.
 เรา – That’s pity.
กรรมการกรูม – Just go to BKK is my celebration.
จากนั้นกรรมการก็ถามถึงเรื่องงาน เราเองก็อธิบายย้อนไปถึงงานเก่าด้วย พอพูดจบกรรมการที่ดูเรซูเม่เค้าก็ถามถึงเรื่องวิชาที่เราลงพื้นที่ช่วยชาวบ้าน เราก็อธิบายลักษณะการทำงานไป จากนั้นก็ประโยคคำถามเด็ดที่โดนกันทุกคนคือ พร้อมจะมาโดฮาเมื่อไร อันนี้แล้วแต่คนเลย เพื่อนเราหลายคนตอบว่า ทันที บางคน  1 เดือน เช่น เรา บางคน 2 เดือน เป็นต้น เราให้เหตุผลที่ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเพราะว่างานที่เราทำอยู่กำลังขาดคน ซึ่งถ้าเราออกทันทีร้านจะแย่ ซึ่งยังไงเราก็ต้องแจ้งบอสก่อน รวมถึงเพื่อนๆเค้าคงอยากปาร์ตี้กับเราก่อนจะจากกัน ก็ไม่มีอะไรค่ะชิวมากสำหรับคำถาม แต่ว่า....คำถามต่อมาซึ่งทำให้เราไปต่อไม่ถูกเลยคือ “เธอใช้เครื่องสำอางอะไร หน้าเธอดีจัง” 555555 ตลกมากค่ะไม่คิดว่าจะโดนแบบนี้ ตอนที่เราไปแชร์กับเพื่อน บางคนโดยให้ร้องเพลงให้ฟังด้วย แปลกดีค่ะ
เมื่อทุกคนสัมภาษณ์เสร็จ ทุกคนนั่งรอใจจดใจจ่อ กรรมการก็แยกเราเป็นสองกรุ้ปอีกค่ะ ทุกคนช้อคเลย ซึ่งก็ตามคาดค่ะ คัดคนออกรอบไฟนอลจริงๆ จากนั้นก็กรอกฟอร์ม ช่วงนี้กรรมการเร่งมากค่ะ เธอพูดว่า ทำเร็วๆสิไม่หิวข้าวกันเหรอ 55555น่ารักมากๆเลยค่ะ

จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวยืดยาวขอให้คนที่ล่าฝันประสบความสำเร็จนะคะ

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ให้ฟังนะคะ คุณเป็นอีกแรงบันดาลใจของเราเลย

    เราเองอยากสมัครกาต้าร์มานานแล้ว แต่ไม่กล้าสักที เพราะเราเตี้ยค่ะ
    ตอนนี้เรากำลังเก็บประสบการณ์เรื่องความถึก ทั้งร่างกายและจิตใจอยู่ค่ะ 555
    (เผื่อจะมีข้อดี มาหักล้างความเตี้ยได้บ้าง)
    แต่ตัดสินใจได้แล้วว่า ยังไง ครั้งหน้าก็ต้องไปลองแน่

    อัพเดทบ่อยๆนะคะ เราติดตามอยู่ค่ะ ^^

    ตอบลบ
  2. ขอถามนิดนึงค่ะ หลังจากคัดคนรอบสุดท้ายไฟนอลออก คนที่เหลือสุดท้ายต้องรอลุ้นเมล คอนแกรทหรือรีเกรทอีกมั้ยคะ

    ตอบลบ